รู้จัก “โรคติดเชื้อไวรัส RSV” โรคระบาดที่มาพร้อมเปิดเทอม - โรงพยาบาลเวชธานี

บทความสุขภาพ

โรคติดเชื้อไวรัส RSV ภัยร้ายสำหรับเด็กในช่วงเปิดเทอม

Share:

แม่เฝ้าระวังอาการป่วยโรคติดเชื้อไวรัส RSV ของลูกน้อย

โรคติดเชื้อไวรัส RSV เป็นโรคในเด็กที่มักแพร่ระบาดอย่างรุนแรงเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนและฤดูหนาว ซึ่งเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ พ่อแม่จึงควรใส่ใจในสุขอนามัยของลูกเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่ยังมีภูมิคุ้มกันต่ำ ต้องหมั่นคอยเฝ้าระวัง สังเกตอาการ เมื่อพบความผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและทันท่วงที

รู้จักโรคติดเชื้อไวรัส RSV

โรคติดเชื้อไวรัส RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงอายุต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งยังเป็นวัยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย โดย ไวรัส RSV มีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่ในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นนอนโรงพยาบาล หรือเป็นอันตรายต่อชีวิตได้

การติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็ก

เด็ก ๆ สามารถติดเชื้อไวรัส RSV ได้ง่าย ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ที่แพร่กระจายด้วยการไอและจามของผู้ติดเชื้อ RSV

นอกจากนี้ การใช้สิ่งของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จานชาม ช้อนส้อม หรือของเล่น อาจทำให้ไวรัส RSV แพร่กระจายได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวสิ่งของต่าง ๆ ได้นานหลายชั่วโมง ดังนั้น เด็กเล็กที่เล่นของเล่นร่วมกัน หรือสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ แล้วนำมือเข้าปาก เข้าจมูก หรือขยี้ตา จึงมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย

อาการเมื่อเด็กติดเชื้อไวรัส RSV

อาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในระยะเริ่มต้น มักมีอาการคล้ายกับไข้หวัดธรรมดา ซึ่งอาการที่พบได้ทั่วไป คือ

  • ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส
  • ไอแห้ง
  • น้ำมูกไหล

อาการของการติดเชื้อในรายที่รุนแรง คือ

  • หายใจหอบ เหนื่อย
  • หายใจมีเสียงหวีด
  • ง่วงซึม 
  • ปากซีดเขียว
  • ไม่ดื่มนม หรือทานอาหารได้น้อยลง 
  • หายใจลำบาก เช่น หายใจเร็ว หรือหน้าอกบีบลง ชายโครงหรืออกบุ๋มขณะหายใจ หรือปอดบวม

หากพบอาการเหล่านี้ในผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส RSV ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากระบบทางเดินหายใจอาจล้มเหลวได้

แม่พาลูกน้อยมาพบแพทย์ด้วยอาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV

ความแตกต่างของโรคติดเชื้อไวรัส RSV กับไข้หวัด

แม้ว่าไวรัส RSV และไข้หวัดจะมีอาการที่คล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สามารถบ่งบอกได้  คือ

  • ไข้หวัดทั่วไป มักจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น จมูกและคอ ขณะที่ไวรัส RSV มักจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง เช่น กล่องเสียง หลอดคอ หลอดลมใหญ่ และปอด ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและการหายใจลำบาก
  • ไข้หวัดมักจะหายเองภายใน 3-5 วัน แต่อาการของเชื้อไวรัส RSV ในเด็กมักมีความรุนแรงมากกว่า จึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ยาวนาน และอาจต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในกรณีที่เด็กมีอาการปอดอักเสบหรือหายใจลำบาก

แนวทางการรักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV

แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับโรคติดเชื้อไวรัส RSV แต่มีแนวทางการรักษาที่ช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ โดยแนะนำ ดังนี้

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้ให้เสมหะไม่เหนียวข้น
  • หากมีไข้สูง แนะนำให้ใช้ยาลดไข้ที่เหมาะสมกับวัย รวมถึงการรักษาตามอาการ เช่น รักษาอาการไอด้วยยาแก้ไอ ละลายเสมหะ
  • สำหรับเด็กที่มีอาการหายใจลำบาก แนะนำให้มารับการตรวจที่โรงพยาบาล หรือในบางกรณีที่อาการรุนแรงมาก อาจต้องรับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยการให้ออกซิเจนหรือการรักษาในห้อง ICU

การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็ก

การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็กเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเปิดเทอมที่เด็กมักมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อไวรัสต่าง ๆ ในสถานศึกษาและพื้นที่สาธารณะ โดยมีวิธีป้องกันที่สามารถทำได้ คือ

  • ล้างมือสม่ำเสมอ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ ลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
  • ทำความสะอาดของใช้ พวกของเล่นหรือสิ่งของที่เด็กใช้เป็นประจำ ลดความเสี่ยงในการปนเปื้อนเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัด เช่น ห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ที่คนพลุกพล่าน
  • ฝึกให้เด็กระวังการสัมผัสหน้า หลีกเลี่ยงใช้มือจับหน้า จับตา จมูก หรือปาก ซึ่งเป็นช่องทางที่เชื้อโรคจะสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย 

รับวัคซีนป้องกันตามที่แพทย์แนะนำ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีวัคซีนเฉพาะสำหรับไวรัส RSV แต่การรับวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือวัคซีนที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเดินหายใจได้ดียิ่งขึ้น

การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส RSV เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ปกครองจึงควรใส่ใจในสุขอนามัยของเด็ก หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากพบว่าเด็กมีอาการรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาประเมินอาการโดยเร็วที่สุด ซึ่งโรงพยาบาลเวชธานี มีกุมารแพทย์ชำนาญการด้านต่าง อย่างมืออาชีพพร้อมให้การดูแลรักษา เพื่อให้เด็กมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงมากยิ่งขึ้น จะทำให้การเปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่พร้อมรับการเรียนรู้ได้อย่างสมวัย ห่างไกลโรค

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 

ศูนย์กุมารเวชกรรม (Super Kids Center) โรงพยาบาลเวชธานี

โทร.  0-2734-0000 ต่อ 3310, 3312, 3319

  • Readers Rating
  • No Rating Yet!
  • Your Rating




บทความที่เกี่ยวข้อง