การตั้งครรภ์ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในชีวิตของคุณแม่มือใหม่ที่ทุกคน การฝากครรภ์ครั้งแรกมักมาพร้อมกับคำถามและความกังวลมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการฝากครรภ์ การดูแลด้านโภชนาการ อาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ควรและไม่ควรรับประทาน เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพทั้งของตนเองและลูกน้อยในครรภ์ได้อย่างเหมาะสม
การฝากครรภ์คืออะไร ?
การฝากครรภ์ คือการที่คุณแม่ตั้งครรภ์เข้ารับการตรวจสุขภาพและติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อย่างสม่ำเสมอ ตลอดระยะเวลาของการตั้งครรภ์ โดยสูตินรีแพทย์ชำนาญการด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์จะเป็นผู้ดูแล เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคุณแม่และทารกจะมีสุขภาพที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เและนำไปสู่การคลอดอย่างราบรื่นและปลอดภัยต่อไป
ทำไมต้องฝากครรภ์ ?
สำหรับความสำคัญของการฝากครรภ์มีอยู่หลายประการด้วยกัน ซึ่งประโยชน์หลัก ๆ มีดังต่อไปนี้
ตรวจติดตามการตั้งครรภ์ ดูแลการเจริญเติบโตของทารก
แพทย์จะติดตามการเจริญเติบโตของทารก การเจริญของอวัยวะต่าง ๆ ของทารก และประเมินน้ำหนักของทารกว่าเป็นไปตามเกณฑ์หรือไม่ หากยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์จะได้ปรับปรุงทั้งด้านโภชนาการและการดูแลตนเองของคุณแม่เพิ่มเติม หรือหาสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักไม่เป็นไปตามเกณฑ์
ป้องกันและลดอาการแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
นอกจากการฝากครรภ์จะทำให้รู้ถึงการเติบโตของทารกแล้ว ยังช่วยให้แพทย์พบความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และให้การรักษาได้อย่างทันท่วงที เพื่อการคลอดลูกอย่างปลอดภัยมากที่สุด
ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดกับทารกในครรภ์
การฝากครรภ์ทำให้แพทย์สามารถตรวจหาความผิดปกติได้แต่เนิ่น ๆ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับทารกในครรภ์ เช่น การคลอดก่อนกำหนด, ทารกเสียชีวิตในครรภ์
ส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณแม่
การฝากครรภ์ช่วยให้คุณแม่ได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม รวมไปถึงการดูแลด้านโภชนาการ การออกกำลังกาย และการจัดการความเครียด โดยทีมสูตินรีแพทย์ชำนาญการด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
ฝากครรภ์ครั้งแรกต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
เอกสารที่ต้องเตรียม
- บัตรประชาชนของคุณแม่และคุณพ่อ
- ประวัติการเจ็บป่วย การแพ้ยา โรคประจำตัว รวมไปถึงการแท้งบุตร และความเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรม
- ข้อมูลการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย
การเลือกสถานที่ฝากครรภ์
- ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีทีมสูตินรีแพทย์ชำนาญการด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
- ซึ่งพร้อมติดตามอาการและให้การดูแลคุณแม่และทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด
- ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีสถานที่ตั้งใกล้บ้าน หรือเดินทางได้อย่างสะดวก สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
- ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีแพ็กเกจฝากครรภ์และคลอดบุตรที่ตรงตามงบประมาณที่ตนเองมี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกังวลกับเรื่องค่าใช้จ่ายในภายหลัง
การเตรียมตัวด้านร่างกายและจิตใจ
คุณแม่ควรเตรียมพร้อมทั้งด้านร่างกาย เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเบา ๆ และดูแลจิตใจโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อการมีสุขภาพที่ดีของทั้งตนเองและทารกในครรภ์
ฝากครรภ์ตรวจอะไรบ้าง ?
เมื่อฝากครรภ์ครั้งแรก แพทย์จะทำการตรวจหลายอย่าง เพื่อประเมินสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ ซึ่งสิ่งที่มักจะตรวจเป็นหลัก คือ
- ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ซึ่งเป็นการประเมินขนาดของเชิงกราน เพื่อวางแผนให้ทารกมีขนาดตัวที่สอดคล้อง จะช่วยให้คุณแม่สามารถคลอดได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังต้องชั่งน้ำหนักทุกครั้งที่ตรวจติดตามการตั้งครรภ์ เพื่อควบคุมให้น้ำหนักขึ้นตามเกณฑ์ที่เหมาะสม
- วัดความดันโลหิต โดยจะต้องวัดทุกครั้งที่เข้ามาตรวจติดตามการตั้งครรภ์ เพื่อประเมินความเสี่ยงภาวะความดันโลหิตสูง
- ตรวจทางหน้าท้องหรืออัลตราซาวนด์ เพื่อดูพัฒนาการของทารกในครรภ์ และตรวจสอบว่ามีการเติบโตที่เหมาะสม
- ตรวจเลือด เพื่อนำไปตรวจความเข้มข้นของเลือด หาความเสี่ยงของโรคธาลัสซีเมีย รวมถึงโรคติดเชื้อต่าง ๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ ซิฟิลิส หัดเยอรมัน และเอดส์
- ตรวจปัสสาวะ เพื่อดูระดับน้ำตาลในปัสสาวะ และประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคเบาหวานในขณะตั้งครรภ์
- การตรวจตามไตรมาส เป็นการตรวจแบบเฉพาะเจาะจงในแต่ละระยะของการตั้งครรภ์ แบ่งออกเป็น ดังนี้
- ไตรมาสที่ 1 ตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ ประเมินอายุครรภ์ ตรวจคัดกรองการติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ และตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม
- ไตรมาสที่ 2 ตรวจการเจริญเติบโตของทารก ตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจหาความผิดปกติทางโครงสร้างของทารก ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่, โควิด (ไตรมาส 2) การตรวจคัดกรองเบาหวานในครรภ์
- ไตรมาสที่ 3 ตรวจเตรียมความพร้อมสำหรับการคลอด ฉีดวัคซีนป้องกันไอกรน, RSV และติดตามการเจริญเติบโตของทารกอย่างใกล้ชิด
- การตรวจพิเศษ เพื่อประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ แบ่งออกเป็นดังนี้
- การตรวจวินิจฉัยโรคของทารกในครรภ์ เพื่อการคัดกรองดาวน์ซินโดรม โดยการตรวจ NIPT และหากผิดปกติยืนยันโดยการเจาะเนื้อรก น้ำคร่ำ หรือเลือดจากสายสะดือของทารกในครรภ์ต่อไป
- การตรวจอัลตราซาวนด์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินการเจริญเติบโตของทารก และเก็บความประทับใจในรูปแบบต่าง ๆ ด้วยอัลตราซาวนด์ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ
- การตรวจสุขภาพทารกในครรภ์ (NST)
การดูแลด้านโภชนาการและอาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
อาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
สำหรับการดูแลโภชนาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเน้นอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่ว เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของทารก อีกทั้งยังควรรับประทานผักและผลไม้สด รวมถึงธัญพืชที่มีเส้นใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของระบบย่อยอาหารและขับถ่ายของคุณแม่อีกด้วย
วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น
นอกจากการรับประทานอาหารมื้อหลักแล้ว ยังควรเสริมด้วยวิตามินที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก เช่น
- กรดโฟลิก ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว รวมถึงยังส่งผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของทารก
- ธาตุเหล็ก ช่วยในการสร้างเซลล์เม็ดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อส่งออกซิเจนจากแม่ไปสู่ทารก และส่งผลต่อพัฒนาการของสมอง
- แคลเซียม ช่วยเสริมสร้างพัฒนากระดูกของทารก
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างตั้งครรภ์
ในระหว่างการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทต่อไปนี้
- อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เนื่องจากเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- ปลาที่มีสารปรอทสูง เช่น ปลาทูน่า ปลาดาบเงิน และปลากระโทงแทง เพราะอาจทำให้พัฒนาการสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์ผิดปกติ
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการของทารก
- หลีกเลี่ยงคาเฟอีน โดยควรจำกัดการดื่มกาแฟหรือชาให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม สามารถดื่มได้แต่ให้จำกัดปริมาณ
- อาหารที่มีรสหวานจัด เพราะเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ได้
การฝากครรภ์และการดูแลโภชนาการที่ดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน หากเตรียมตัวให้พร้อมและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด จะช่วยให้การดำเนินการฝากครรภ์ครั้งแรกเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
หากคุณแม่ท่านใดสนใจบริการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเวชธานี มีทีมสูตินรีแพทย์ชำนาญการด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ดูแลและให้คำปรึกษา พร้อมเครื่องมือทางการแพทย์อันทันสมัย เพื่อให้การตรวจติดตามการตั้งครรภ์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์สุขภาพสตรี โทร. 02-734-0000 ต่อ 3200, 3204
- Readers Rating
- No Rating Yet!
- Your Rating