

การปลูกถ่ายไตช่วยให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและยืดอายุการทำงานของไตใหม่
การปลูกถ่ายไตเป็นการรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยไม่ต้องพึ่งพาการฟอกไต แต่การดูแลตนเองหลังการปลูกถ่ายมีความสำคัญอย่างยิ่ง การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดสามารถลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ไตใหม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. รับประทานยากดภูมิคุ้มกันอย่างเคร่งครัด
หลังปลูกถ่ายไต ร่างกายของผู้ป่วยอาจตอบสนองโดยการพยายามต่อต้านไตใหม่ ดังนั้นแพทย์จะสั่งยากดภูมิคุ้มกันเพื่อลดโอกาสการปฏิเสธไต ผู้ป่วยต้องรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกวัน และห้ามหยุดยาเองโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดภาวะปฏิเสธไต
เคล็ดลับ: ตั้งนาฬิกาเตือนหรือใช้แอปพลิเคชันช่วยเตือนการรับประทานยา
2. พบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ
หลังการปลูกถ่ายไต แพทย์จะต้องติดตามผลเป็นระยะเพื่อตรวจสอบว่าร่างกายตอบสนองต่อไตใหม่อย่างไร รวมถึงตรวจระดับยาและประเมินภาวะแทรกซ้อน ห้ามขาดนัดเด็ดขาด เพราะการตรวจติดตามเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพของไตใหม่
เคล็ดลับ: หากไม่สามารถมาตามนัด ควรแจ้งโรงพยาบาลล่วงหน้าเพื่อเลื่อนนัดและกำหนดวันนัดใหม่ทันที
3. ระวังการติดเชื้อและรักษาสุขอนามัย
ยากดภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น ผู้ป่วยควรป้องกันการติดเชื้อโดย:
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรค
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงโดยตรง
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ แต่ไม่มากเกินไป
ผู้ป่วยปลูกถ่ายไตต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยให้ไตทำงานได้ดี แต่ไม่ควรดื่มมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำเกิน โดยแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณน้ำที่เหมาะสมในแต่ละวัน
เคล็ดลับ: สังเกตสีของปัสสาวะ หากมีสีเข้มแสดงว่าอาจดื่มน้ำน้อยเกินไป
5. รับประทานอาหารที่เหมาะสม
หลังการปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพไตและป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น
- โปรตีนคุณภาพสูง เช่น ปลา ไข่
- อาหารที่มีโซเดียมต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง
- หลีกเลี่ยงอาหารดิบ เช่น ซูชิ หรือเนื้อดิบ เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่สามารถทำลายสุขภาพของไตใหม่และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูงหรือภาวะไตเสื่อม
7. ควบคุมน้ำหนักและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
น้ำหนักที่เกินมาตรฐานอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อไต ผู้ป่วยควรออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินเร็วหรือโยคะ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
เคล็ดลับ: ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย เพื่อเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมและปลอดภัย
8. หลีกเลี่ยงยาและสมุนไพรที่อาจเป็นอันตรายต่อไต
ยาบางชนิด เช่น ยาต้านการอักเสบกลุ่ม NSAIDs (ไอบูโพรเฟน, นาพรอกเซน) และสมุนไพรบางชนิด อาจทำให้ไตได้รับความเสียหายได้
คำแนะนำ: ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาหรือสมุนไพรทุกครั้ง
9. ระวังโรคแทรกซ้อน เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยปลูกถ่ายไตมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงจากผลข้างเคียงของยากดภูมิคุ้มกัน ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำและควบคุมระดับน้ำตาลและความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
10. ดูแลสุขภาพจิตและรับมือกับความเครียด
หลังปลูกถ่ายไต ผู้ป่วยอาจเผชิญกับความเครียดหรือภาวะซึมเศร้า การมีครอบครัวและเพื่อนคอยให้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงการหากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย เช่น การฝึกสมาธิหรือโยคะ
การปลูกถ่ายไตเป็นโอกาสที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่การดูแลตนเองหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ผู้ป่วยควรรับประทานยากดภูมิคุ้มกันอย่างเคร่งครัดและพบแพทย์ตามนัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และควบคุมพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้เหมาะสม เพื่อให้ไตใหม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
หากคุณหรือคนใกล้ชิดกำลังเตรียมตัวสำหรับการปลูกถ่ายไต โรงพยาบาลเวชธานีพร้อมให้การดูแลโดยทีมแพทย์ชำนาญการและทีมสหวิชาชีพด้านปลูกถ่ายอวัยวะ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์ไตเทียม ชั้น 4 โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 5021
- Readers Rating
- Rated 5 stars
5 / 5 (Reviewers) - Spectacular
- Your Rating