นอนกรนปัญหาใหญ่ เสี่ยง ! หยุดหายใจขณะนอนหลับ - โรงพยาบาลเวชธานี

บทความสุขภาพ

แพทย์เตือน นอนกรน ปัญหาใหญ่ เสี่ยง ! หยุดหายใจขณะนอนหลับ

Share:

นอนกรนเกิดจากอะไร

การนอนกรนเป็นอาการที่พบได้ในคนทั่วไป มีการศึกษาพบว่า 45% ของคนปกติจะมีอาการนอนกรนบางครั้ง โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยเหล่านี้

  • เหนื่อยมาก ๆ
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • น้ำหนักมาก 
  • เป็นภูมิแพ้ หรือคัดจมูกทำให้หายใจไม่สะดวก

นอนกรนเสี่ยงต่อภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

สำหรับผู้ที่มีภาวะนอนกรน จะมีความเสี่ยงต่อโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับจากการอุดกั้น(Obstructive Sleep Apnea) ซึ่งมักจะมีอาการหลับไม่สนิท ง่วงในเวลากลางวันทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อดนอน ภาวะนี้มีสาเหตุมาจากอวัยวะทางเดินหายใจ เช่น จมูก ช่องคอ ลิ้นหรือผนังคอหอย เกิดความผิดปกติ จนส่งผลให้ตีบแคบลง ทำให้อากาศผ่านได้ลดลง หรือเกิดการอุดกั้น นำไปสู่การหยุดหายใจชั่วขณะ ซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก หากไม่รักษาอาจนำไปสู่การเป็นโรคทางหัวใจ และโรคอื่น ๆ ได้ โดยอาการที่เป็นสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ คือ

  • นอนกรนดัง
  • สะดุ้งตื่นขึ้นมาหายใจแรง สำลัก หรือหายใจติดขัด
  • ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกเจ็บคอ ปากแห้ง
  • ปวดศีรษะบ่อย ๆ 
  • ง่วงกลางวันมาก
  • ประสิทธิภาพการทำงานลดลง สมาธิลดลง

การตรวจวินิจฉัยโรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ

เมื่อนอนกรนเป็นประจำ แล้วมีอาการร่วมดังที่กล่าวไปข้างต้น มีความจำเป็นต้องทำการตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เพื่อวินิจฉัย ซึ่งการทำ Sleep Test มีกระบวนการ ดังนี้ 

  • ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาล 1 คืน โดยทำการติดเครื่องวัดออกซิเจน การเต้นของหัวใจ, การทำงานของกะบังลม, คลื่นสมอง เพื่อเก็บข้อมูลในขณะที่หลับใช้วินิจฉัยโรค โดยมีนักเทคนิคการแพทย์เฝ้าตลอดคืน
  • ในขณะทำ Sleep Test ในบางรายที่มีความผิดปกติของทางเดินหายใจอาจมีการทดลองใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (Continuous positive airway pressure, CPAP)

แนวทางการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ

สำหรับแนวทางในการรักษาภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ มีดังต่อไปนี้

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • ลดน้ำหนักเพื่อให้น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ
  • ปรับท่านอนตะแคงเพื่อลดการนอนกรน

2. การใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก หรือ CPAP

เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) มีกลไกการทำงานคือสร้างแรงดันอากาศ เพื่อให้มีความดันลมแรงพอที่จะเปิดทางเดินหายใจบริเวณช่องคอ ซึ่งจะช่วยให้ทางเดินหายใจส่วนต้นไม่อุดกั้นขณะหลับ เป็นแนวทางการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 90

3. การใส่อุปกรณ์ทันตกรรม (Oral appliance)

ช่วยดึงลิ้นและกรามบางส่วนมาข้างหน้า เพื่อลดการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะหลับ

4. การผ่าตัด

เพื่อขยายทางเดินหายใจส่วนต้น เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีการตีบแคบของทางเดินหายใจในบริเวณต่าง ๆ ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาโดยแพทย์เฉพาะทางโดยมีวิธีรักษา ดังนี้

  • การผ่าตัดหรือการจี้ด้วยคลื่นวิทยุ เพื่อลดขนาดเยื่อบุจมูกที่บวม
  • การผ่าตัดเพื่อดัดผนังกั้นช่องจมูก
  • การผ่าตัดริดสีดวงจมูกหรือไซนัสอักเสบ
  • การผ่าตัดต่อมทอนซิล
  • การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อนและลิ้นไก่
  • การผ่าตัดบริเวณโคนลิ้น 
  • การผ่าตัดเลื่อนกรามและขากรรไกรทั้งบนล่างมาด้านหน้า (Maxillomandibular Advancement: MMA)

การตรวจการนอนหลับ (Sleep Test) เป็นการตรวจที่ช่วยวินิจฉัยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นได้อย่างดี หากได้รับการรักษา สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอื่นๆได้และช่วยทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาเพื่อทำ Sleep Test วินิจฉัยหาความเสี่ยงของภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ และวางแนวทางการรักษาอย่างเหมาะสม สามารถนัดหมายและติดต่อสอบถามได้ที่ ศูนย์สมองและระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานี มีบริการ Sleep Test โทรศัพท์ 0-2734-0000 ต่อ 5400, 5444

  • Readers Rating
  • No Rating Yet!
  • Your Rating