สังเกตลูกน้อยขาโก่ง บวม ไม่ขยับ ระวังเสี่ยงกระดูกหัก - โรงพยาบาลเวชธานี

บทความสุขภาพ

สังเกตลูกน้อยขาโก่ง บวม ไม่ขยับ ระวังเสี่ยงกระดูกหัก

Share:

โรคกระดูกหักในเด็กนับเป็นภาวะที่พบได้บ่อย เนื่องจากวัยเด็กเป็นวัยที่กำลังซุกซน และมีกิจกรรมมาก ทำให้มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บได้ง่าย แม้เด็กมีโอกาสกระดูกหักได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตาม ภาวะกระดูกหักในเด็กมีความแตกต่างจากกระดูกหักในผู้ใหญ่ค่อนข้างมากด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกันเช่น

คุณสมบัติของกระดูกเด็กมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่ ดังอาจเคยได้ยินว่า “เด็กกระดูกยังอ่อน” คำกล่าวนี้นับว่าถูกต้อง นั่นทำให้กระดูกเด็กหักค่อนข้างง่ายและมีลักษณะการหักบางอย่างที่เป็นลักษณะเฉพาะที่ไม่พบในผู้ใหญ่ เช่น การบิดงอผิดรูปของกระดูก (plastic deformity) การย่นของกระดูก หรือการหักลักษณะคล้ายกิ่งไม้สด (green stick) ที่มีการหักที่ด้านหนึ่งและอีกด้านที่งอผิดรูปแต่ไม่แตกออก

กระดูกยังคงมีการเจริญเติบโต

การที่กระดูกเด็กยังคงมีการเจริญเติบโตได้ คือ ศูนย์การเจริญเติบโตของกระดูก (physeal plate) ยังไม่ปิด ซึ่งส่งผลอย่างมากที่ทำให้การรักษากระดูกหักในเด็กมีความต่างจากผู้ใหญ่ เพราะศูนย์การเจริญเติบโตของกระดูกมีลักษณะเป็นกระดูกอ่อนที่จะให้การเจริญเติบโตเพื่อเพิ่มความยาวของกระดูกตามร่างกายที่เติบโตขึ้น ซึ่งส่วนนี้ของกระดูกยังไม่มีการสะสมของแคลเซียม ทำให้เป็นส่วนที่อ่อนง่ายต่อการบาดเจ็บ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นได้จาก X-Ray ทำให้การวินิจฉัยทำได้ยาก และในการรักษาก็ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้เกิดการบาดเจ็บต่อส่วนนี้ รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการยึดกระดูกที่ปกติใช้ในผู้ใหญ่ก็อาจใช้ไม่ได้ในเด็ก เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บของศูนย์การเจริญเติบโต ซึ่งจะนำมาสู่การหยุดการเติบโตของกระดูก และทำให้เกิดผลตามมาที่ร้ายแรงเช่น กระดูกผิดรูปบิดเบี้ยว หรือทำให้แขนขาสั้นยาวไม่เท่ากันได้

การฟื้นตัวของกระดูก

ในเด็กกระดูกหักง่ายแต่ก็ติดง่าย โดยทั่วไปแล้วในเด็กเมื่อมีกระดูกหักจะมีการฟื้นตัวและการกลับมาติดของกระดูกที่หักเร็วกว่าผู้ใหญ่ รวมถึงเมื่อกระดูกติดแล้ว แต่ไม่ตรง หรือมีความผิดรูปของกระดูกหลงเหลืออยู่ ก็พบว่าเมื่อกระดูกเติบโตขึ้น กระดูกก็สามารถกลับมาตรงได้เอง ด้วยคุณลักษณะแบบนี้การรักษากระดูกหักในเด็ก จึงเหมาะกับการใส่เฝือกมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะกระดูกติดเร็ว จึงไม่ต้องใส่เฝือกนาน และไม่จำเป็นที่กระดูกต้องตรงโดยสมบูรณ์ เพราะกระดูกสามารถกลับมาตรงได้เอง ดังนั้นการผ่าตัดเพื่อจัดกระดูกให้ตรง จึงอาจไม่จำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่า จะสามารถรักษาด้วยการใส่เฝือกจะทำได้เสมอไปต้องขึ้นกับปัจจัยอีกหลายอย่างทั้งตำแหน่ง และลักษณะของกระดูกที่หัก ช่วงอายุของเด็กในขณะที่กระดูกหัก และสภาพแวดล้อมอื่น ๆ รวมถึงกระดูกหักบางชนิดในเด็กก็อาจต้องการการรักษาเฉพาะความชำนาญพิเศษหรือต้องการใช้อุปกรณ์พิเศษในการยึดกระดูกที่หักจึงต้องพิจารณาเป็นกรณีไป

การดูแลเมื่อเด็กกระดูกหัก

เมื่อเด็กได้รับบาดเจ็บแล้วสงสัยว่ามีกระดูกหัก เช่น มีอาการบวมมาก ไม่ยอมขยับส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ หรือมีการผิดรูปโก่งงอของอวัยวะสิ่งที่ควรทำคือ

  • ใช้วัสดุแข็ง เช่น แผ่นไม้ กระดาษหนังสือพิมพ์พับซ้อนหลาย ๆ ชั้น หรือกระดาษแข็ง ๆ ดามอวัยวะส่วนไว้โดยอาจใช้ผ้าหรือผ้ายืดพันเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่ม
  • ใช้ความเย็นประคบเพื่อลดการบวม
  • อย่าใช้ยาใด ๆ ถูนวดบริเวณที่บาดเจ็บ
  • อย่าพยายามดัดหรือดึงกระดูกที่ผิดรูปด้วยตัวเอง
  • ให้งดน้ำและอาหารไว้ก่อน เพราะอาจมีความจำเป็นที่ต้องดมยาสลบ เพื่อการรักษาจะได้สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการดมยาสลบในขณะที่มีอาหารอยู่ในกระเพาะอาจทำให้สำลักและเป็นอันตรายได้
  • รีบพาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี
โทร 02-734-0000 ต่อ 2298

  • Readers Rating
  • Rated 5 stars
    5 / 5 (2 )
  • Your Rating