องค์การอนามัยโลกตั้งเป้าไว้ว่าภายในปีพ.ศ. 2563 จะลดอัตราการเสียชีวิตจากไข้เลือดออกลงให้ได้อย่างน้อย 50%และลดอัตราการป่วยด้วยไข้เลือดออกให้ได้อย่างน้อย 25% ขึ้นไป โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ โดยมียุงลายบ้านและยุงลายสวนเป็นพาหะนำโรค พบมากในประเทศเขตร้อนไปจนถึงรอยต่อของเขตร้อนและเขตอบอุ่น ทั้งในละตินอเมริกา ภูมิภาคแปซิฟิก แคริบเบียน ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยังไม่มียาฆ่าเชื้อที่ใช้สำหรับไวรัสเดงกี ทำให้การรักษาโรคไข้เลือดออกต้องรักษาแบบประคับประคองและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ชื่อว่า “เด็งวาเซีย” (Dengvaxia®)ได้รับการขึ้นทะเบียนที่ประเทศเม็กซิโก เป็นประเทศแรกของโลก เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2558 และเมื่อต้นปีพ.ศ. 2559 ประเทศฟิลิปปินส์ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนเด็งวาเซีย เป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย ส่วนของประเทศไทยวัคซีนเด็งวาเซีย จะเริ่มเปิดให้ฉีดป้องกันในช่วงกลางเดือน มกราคม พ.ศ. 2560 ซึ่งวัคซีนดังกล่าวสามารถป้องกันไข้เลือดออกได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ วัคซีนเด็งวาเซียได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีพันธุวิศวกรรม ทำให้ได้เป็นไวรัสลูกผสมระหว่างไข้เลือดออกและไข้เหลือง โดยไวรัสจะถูกทำให้อ่อนฤทธิ์ลง ใช้ป้องกันโรคไข้เลือดออกได้และไม่เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง
จากข้อมูลการศึกษาที่ได้จากอาสาสมัคร จำนวน 10,278 คน จาก 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอาสาสมัคร 20,875 คน จาก 5 ประเทศในอเมริกาใต้ ได้แก่ โคลัมเบีย เม็กซิโก ฮอนดูรัส เปอโตริโก และ บราซิล พบว่าในอาสาสมัครที่มีอายุ 9-16 ปี วัคซีนมีความสามารถในการป้องกันไวรัสเดงกีแต่ละสายพันธุ์ได้แตกต่างกัน คือ ป้องกันไวรัสเดงกีสายพันธุ์ที่ 1 ได้ 58.4%สายพันธุ์ที่ 2 ได้ 47.1%สายพันธุ์ที่ 3 ได้ 73.6%และสายพันธุ์ที่ 4 ได้ 83.2% วัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันไข้เลือดออกทุกสายพันธุ์ได้ 65.6%ลดการนอนโรงพยาบาลจากไข้เลือดออกได้ 80.8%และยังสามารถลดอัตราการป่วยรุนแรงจากไวรัสเดงกีได้ 92.9%อย่างไรก็ตาม พบว่าอาสาสมัครที่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดงกีมาก่อน เมื่อได้รับวัคซีนแล้วจะสามารถป้องกันการติดเชื้อเดงกีได้ดีกว่าอาสาสมัครที่ไม่มีภูมิคุ้มกันมาก่อน โดยป้องกันได้ 81.9% และ 52.5% ตามลำดับ ซึ่งการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกจะฉีดเข้าใต้ผิวหนังทั้งหมด 3 เข็ม โดยเข็มที่ 2 และเข็มที่ 3 จะฉีดห่างจากเข็มแรก 6 และ 12 เดือน ตามลำดับ
ใครบ้างที่ควรได้รับวัคซีนไข้เลือดออก
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 9-45ปี ที่อาศัยอยู่ในแหล่งระบาดของโรคไข้เลือดออก
ข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
- บุคคลที่แพ้ส่วนประกอบของวัคซีน
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร
อย่างไรก็ตาม การพิจารณาให้วัคซีนไข้เลือดออกในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค ร่วมกับการควบคุมพาหะนำโรคโดยการกำจัดยุงลายและแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และการใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเองอยู่เสมอ หากมีอาการป่วยที่สงสัยไข้เลือดออกให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาอย่างทันท่วงที เป็นวิธีที่จะช่วยป้องกันความสูญเสียที่เกิดจากโรคไข้เลือดออกได้
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 0-27340000 ต่อ 3310, 3312, 3319
- Readers Rating
- Rated 5 stars
5 / 5 (Reviewers) - Spectacular
- Your Rating