ความผิดปกติหนึ่งที่พบได้ในเด็กทารกคือ เท้าบิดผิดรูปที่เรียกกันว่า เท้าปุกเท้าแป สำหรับพ่อแม่ที่พบว่าลูกมีรูปเท้าผิดปกติ อาจเกิดความกังวลว่าลูกน้อยโตขึ้นจะพิการหรือเดินไม่ได้ ความจริงแล้วโรคเท้าปุกเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ หากได้รับการรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย จะสามารถดัดเท้าให้มีรูปร่างใกล้เคียงปกติได้ตั้งแต่แรกเกิด
“ปัจจุบัน สามารถพบโรคนี้ได้ประมาณ 1 ใน 1,000 ของเด็กคลอดใหม่ โดยชาวเอเชียจะพบน้อยกว่าชาวยุโรป และอัตราการเกิดจะมากขึ้นในครอบครัวที่มีญาติพี่น้องเคยเป็นโรคนี้”
อาการเท้าผิดรูปที่เรียกว่า เท้าปุก เป็นความผิดปกติของรูปเท้าที่พบไม่บ่อยนัก สามารถเกิดได้ตั้งแต่แรกเกิด หรืออาจค่อยๆ เกิดขึ้นในภายหลัง เท้าปุกอาจเป็นเพียงข้างเดียวหรือเป็นทั้งสองข้างก็ได้ โดยเท้าจะมีลักษณะบิดหมุนเข้าด้านในและมีปลายเท้าจิกลง ผู้ปกครองมักกังวลว่าเด็กจะเดินไม่ได้เมื่อโตขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กที่ไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ยังเด็กก็สามารถเดินได้ แต่จะใช้ส่วนหลังเท้าเป็นส่วนที่ลงน้ำหนักและสัมผัสพื้น เมื่อโตขึ้นส่วนนั้นจะมีลักษณะหนาและด้านขึ้นมา ซึ่งรูปเท้าแบบนี้จะทำให้เด็กไม่สามารถใส่รองเท้าแบบปกติทั่วไปได้
ปัจจุบันเรายังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน เพราะจากการศึกษาเด็กที่มีเท้าปุก พบความผิดปกติที่อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดเท้าปุกได้หลากหลาย ทั้งพันธุกรรม การมีกระดูกบริเวณข้อเท้าที่ผิดรูปแต่กำเนิด การเคลื่อนของกระดูกบริเวณข้อเท้า ในเด็กบางคนพบว่ามีกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบางมัดที่ผิดปกติหรือหายไป บางคนพบว่ามีพังผืดอยู่ในกล้ามเนื้อบริเวณข้อเท้า บางคนพบว่ามีเส้นเลือดบางเส้นที่ผิดปกติหรือขาดหายไป สิ่งเหล่านี้อาจเป็นผลที่ตามมา หรือเป็นสาเหตุของเท้าปุกก็ได้ แต่ปัจจุบันยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
เท้าปุกแบ่งตามสาเหตุการเกิดโรคได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
- กลุ่มที่ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งยังแบ่งได้อีก 2 ลักษณะ คือ แบบที่เท้าของเด็กมีลักษณะแข็ง ไม่สามารถดัดให้กลับมาอยู่ในรูปร่างปกติได้ และแบบที่มีเท้าอ่อนสามารถจัดให้เข้ารูปได้ เด็กบางคนที่เท้าผิดรูปไม่มากและมีลักษณะที่อ่อนดัดได้ง่าย เชื่อว่าเป็นผลมาจากท่าของเด็กที่อยู่ในท้องมารดา
- กลุ่มที่เป็นผลจากโรคหรือความผิดปกติบางอย่าง ที่จะพบในส่วนอื่นของร่างกายร่วมด้วยได้ เช่น โรคเยื่อหุ้มข้อแข็งติด หรือเกิดจากการรัดของเยื่อหุ้มรก หรือโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท
เท้าปุกแบ่งตามลักษณะเท้า
กลุ่มที่มีเท้าอ่อน สามารถดัดให้เข้ารูปได้ตั้งแต่แรกเกิด แพทย์จะสอนวิธีการดัดเท้าให้มารดากลับไปทำให้ลูกบ่อยๆ และนัดกลับมาดูเป็นระยะๆ เท้าจะค่อยๆ กลับเข้ามาสู่รูปร่างปกติได้ แต่ถ้ามารดาไม่สามารถดัดเท้าให้ลูกได้ หรือดัดแล้วไม่ถูกวิธี แพทย์อาจทำการดัดเท้าและใส่เฝือกยาวตั้งแต่ปลายเท้าถึงต้นขา ประมาณ 2 – 3 ครั้งจนเท้าอยู่ในรูปร่างปกติ และมักจะหายภายในสามเดือน หรือหายได้ง่ายด้วยการดัดหรือใส่เฝือกเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
กลุ่มที่มีเท้าแข็ง แพทย์จะทำการดัดเท้า และใส่เฝือกยาวตั้งแต่ปลายเท้าถึงต้นขาตั้งแต่ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก และเปลี่ยนเฝือกทุก 1 – 2 สัปดาห์ รูปร่างของเท้าจะค่อยๆ ดีขึ้นจนเกือบปกติ ซึ่งโดยทั่วไปมักจะใส่เฝือกประมาณ 5 – 6 ครั้ง แต่ข้อเท้ามักจะยังกระดกขึ้นได้ไม่สุดเหมือนปกติ แพทย์จะทำการตัดเอ็นร้อยหวาย และใส่เฝือกยาวต่ออีก 3 สัปดาห์
หลังจากนั้นเด็กจะมีเท้าที่รูปร่างเป็นปกติ แต่เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ ผู้ปกครองจะต้องทำการดัดเท้าเด็กทุกวัน และควรจะต้องใส่รองเท้าเฉพาะเพื่อให้เท้าคงอยู่ในรูปที่ต้องการ จนอายุประมาณ 5 ปี แม้จะตัดเอ็นร้อยหวายไป แต่ในเด็กเอ็นร้อยหวายยังสามารถกลับมาติดกันใหม่ได้ในตำแหน่งที่เหมาะสม และเด็กยังสามารถเดิน กระโดดได้เหมือนเด็กทั่วไป หลังการรักษาด้วยการใส่เฝือกตั้งแต่แรกเกิด และทำการตัดเอ็นร้อยหวายเมื่อใส่เฝือกครบ 3 สัปดาห์ เด็กจะมีรูปร่างเท้าที่เหมือนปกติ สามารถคลานได้เป็นปกติ ใส่รองเท้าปกติทั่วไปได้
สำหรับเด็กบางกลุ่มแม้จะรักษาด้วยการใส่เฝือกตั้งแต่แรก แต่เท้าก็ยังมีลักษณะแข็งไม่เข้ารูป หรือมีการกลับมาเป็นซ้ำของเท้าปุก หรือเป็นเท้าปุกที่เกิดร่วมกับโรคหรือภาวะอื่น หรือเด็กที่มารับการรักษาเมื่ออายุมากแล้ว อาจต้องพิจารณาเรื่องการผ่าตัด เพื่อจัดกระดูกให้เข้าที่ และจัดรูปเท้าให้เหมือนปกติมากที่สุด
การผ่าตัดในช่วงอายุน้อย จะผ่าเข้าไปเพื่อจัดรูปเท้าโดยคลายเนื้อเยื่อที่ตึงแข็งและจัดเรียงข้อให้รูปเท้าสวย ส่วนการผ่าตัดเมื่ออายุมาก กระดูกเท้าจะแข็งและผิดรูปอาจจะต้องตัดแต่งกระดูก เพื่อให้รูปเท้าดูปกติภายหลังผ่าตัดรักษา สรุปแล้วควรได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเกิด โดยแพทย์ผู้ชำนาญในการรักษาโรคนี้
เด็กที่เป็นเท้าปุกเพียงข้างเดียว ภายหลังการรักษาไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไร เท้าข้างนั้นอาจจะเล็กกว่าอีกข้างหนึ่ง และน่องก็จะเล็กกว่าอีกด้าน บางครั้งพบลักษณะกระดูกหน้าแข้งที่บิดเข้าด้านใน ทำให้เด็กเดินเท้าปัดเข้าด้านใน ซึ่งลักษณะเหล่านี้ไม่ได้เกิดเพราะการรักษา ไม่ว่าจะโดยการใส่เฝือกหรือการผ่าตัด แต่เป็นผลที่ตามมาจากสาเหตุที่ทำให้เกิดเท้าปุกนั่นเอง ดังนั้นหลังการรักษาเท้าปุกแล้ว แม้รูปเท้าจะกลับมาเป็นเหมือนปกติ เด็กสามารถเดินหรือวิ่งได้เหมือนเด็กปกติ แต่ผู้ปกครองควรนำเด็กมาติดตามดูอาการต่อจนถึงช่วงอายุประมาณ 8 – 9 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่พัฒนาการของเท้าและการเดินเหมือนวัยผู้ใหญ่แล้ว
อย่างไรก็ตามการรักษาตั้งแต่แรกเกิด ได้ผลดีกว่ามารักษาเมื่อตอนโตแล้ว จึงควรนำบุตรหลานมารักษาแต่เนิ่นๆ ถ้ามีความผิดปกติดังกล่าว หรือสงสัยว่าเด็กมีเท้าผิดรูปรีบพาเด็กมาพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธี
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี
โทร 02-734-0000 ต่อ 2298
- Readers Rating
- Rated 3.9 stars
3.9 / 5 (Reviewers) - Excellent
- Your Rating