เมื่อกาลเวลาผ่านไปทุกคนต้องเผชิญกับสัญญาณมากมายที่ฟ้องถึง “ความเสื่อม” แต่ใครจะเสื่อมช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ปัจจัยที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการคงความฟิตเฉกเช่นวัยหนุ่มสาวคือ ฮอร์โมน นั่นเอง
ปกติร่างกายของเราจะมีการสร้างและผลิตฮอร์โมน ซึ่งฮอร์โมนเป็นสารอย่างหนึ่งที่ถูกผลิตออกมาจากต่อมไร้ท่อ และมีหน้าที่ทำให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ตามปกติ
ฮอร์โมนมีหลายชนิด ฮอร์โมนหลักสำคัญที่ช่วยเรื่องการทำงานของร่างกาย ได้แก่ ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต และฮอร์โมนเพศ ในผู้ชายฮอร์โมนเพศจะผลิตมาจากอัณฑะ ส่วนผู้หญิงก็ผลิตมาจากรังไข่ ซึ่งฮอร์โมนเพศนี้เองที่เป็นปัจจัยหลักต่อความเป็นหนุ่มเป็นสาว
ผู้บริหารหรือคนวัยทำงานส่วนใหญ่ มักจะมีลักษณะการดำรงชีวิตที่วุ่นวาย ทำแต่งาน ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย พอออกกำลังกายน้อยลง ร่างกายก็จะผลิตฮอร์โมนน้อยลง โดยเฉพาะในผู้ชาย ฮอร์โมนเพศชายที่เราเรียกว่า เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ถ้าออกกำลังกายมาก การกระตุ้นการผลิตก็จะยิ่งดี ทำให้เป็นหนุ่มอยู่เสมอไม่แก่ก่อนวัย
สำหรับผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน ฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ผู้หญิงยังดูสาวอยู่เสมอ ซึ่งฮอร์โมนเพศหญิงมีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ธรรมชาติร่างกายของผู้หญิงจะผลิตฮอร์โมนเหล่านี้จนกว่าจะอายุประมาณ 40 กว่าปี ไปจนถึงอายุ 50 ปีปลายๆ จึงจะเข้าสู่ภาวะวัยทอง เมื่อนั้นฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะมีระดับน้อยลง ร่างกายจะเริ่มฟ้องด้วยอาการต่างๆ ที่ผิดปกติไปจากเดิม
อาการเมื่อขาดฮอร์โมนเพศ
ผู้ชายสังเกตได้จากกล้ามเนื้อเล็กลง มีการสะสมไขมันใต้ผิวหนังมากขึ้น มีปัญหาเรื่องความจำ หลงลืมง่าย สมรรถภาพทางเพศลดลง ตรวจสุขภาพประจำปีอาจพบว่ามีปัญหาน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หรือมีไขมันในเลือดสูง ส่วนผู้หญิงจะพบว่ามีอาการในกลุ่มผู้หญิงวัยทอง เช่น ร้อนวูบวาบผิดสังเกต เหงื่อออกง่าย นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย รู้สึกว่าคนรอบข้างทำเรื่องไม่ถูกใจบ่อยๆ ผิวแห้ง น้ำหนักตัวเพิ่มง่าย กระดูกบางหรือพรุน
วิธีแก้ไขอาการฮอร์โมนบกพร่อง
รับประทานอาหารที่เหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ถ้าทำตามนี้ทั้งหมดแล้วยังไม่ดีขึ้น การรักษาโดยการให้ฮอร์โมนทดแทน จะเป็นแนวทางการรักษาอีกวิธีหนึ่งที่แพทย์จะแนะนำให้กับผู้ป่วย
ฮอร์โมน…ซื้อมารับประทานเองได้หรือไม่
ผู้ที่ชอบซื้อฮอร์โมนมารับประทานเองไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะผู้บริโภคจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ฮอร์โมนเริ่มลดลง และลดลงในระดับมากน้อยเท่าใด หากร่างกายได้รับฮอร์โมนมากเกินไปจะมีผลเสียคือ อาจส่งผลกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้เร็วขึ้น เพราะฉะนั้น ก่อนจะรับประทานฮอร์โมน ควรตรวจให้แน่ใจว่าร่างกายเริ่มมีปัญหาฮอร์โมนลดน้อยลงหรือยัง และอยู่ในระดับที่ควรรับฮอร์โมนในรูปแบบใด หรือเพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งข้อมูลเหล่านี้แพทย์สามารถให้คำแนะนำ และแก้ไขปัญหาให้ได้ นอกจากนี้ฮอร์โมนที่มีอยู่ตามท้องตลาดมักเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ ซึ่งจะทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ค่อนข้างมาก
ยืดความหนุ่มสาวให้ยาวนานอย่างถูกวิธี
สำหรับผู้ที่รู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ หรือสงสัยว่าจะมีระดับฮอร์โมนบกพร่อง และกังวลว่าจะเข้าสู่ภาวะวัยทองหรือแก่ก่อนวัย ควรเข้ารับการตรวจระดับฮอร์โมนว่ามีความบกพร่องหรือไม่ สำหรับการตรวจสามารถทำได้หลายวิธีคือ ตรวจจากเลือด ตรวจจากปัสสาวะ และฮอร์โมนบางชนิดสามารถตรวจได้จากน้ำลาย หากผลตรวจแสดงว่าเริ่มมีภาวะฮอร์โมนบกพร่อง แต่ไม่รุนแรงมาก แพทย์จะแนะนำให้รับประทานอาหารเสริม ประกอบกับออกกำลังกายอย่างเหมาะสม แต่ถ้าผลตรวจแสดงว่ามีภาวะฮอร์โมนบกพร่องรุนแรง แพทย์จะแนะนำให้รักษาโดยการให้ฮอร์โมนทดแทน โดยฮอร์โมนที่ใช้ในการรักษาต้องเป็นฮอร์โมนจากธรรมชาติที่สกัดมาจากพืช และมีลักษณะทางเคมีเหมือนฮอร์โมนที่ผลิตภายในร่างกายของมนุษย์
ดังนั้น นอกจากจะเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีแล้ว การได้รับการตรวจคัดกรองระดับฮอร์โมนปีละครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเลยวัย 40 ปีขึ้นไป หากอยากคงความสมดุลให้ร่างกายมีความกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ ก็ควรให้ความสำคัญกับเรื่องฮอร์โมนด้วยเช่นกัน
สอบถามเพิ่มเติมที่ ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย
โทร. 0-2734-0000 ต่อ 1164
ยืดอายุความหนุ่มสาว ด้วยฮอร์โมนทดแทน
- Readers Rating
- Rated 5 stars
5 / 5 (Reviewers) - Spectacular
- Your Rating