‘วัยชรา’ ความจริงที่หนีไม่ได้...แต่ชะลอเวลาได้ - โรงพยาบาลเวชธานี

บทความสุขภาพ

‘วัยชรา’ ความจริงที่หนีไม่ได้…แต่ชะลอเวลาได้

Share:

You are what you eat. ยังคงเป็นความจริงเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องความเสื่อมสภาพของร่างกาย แต่เมื่อกาลเวลาผ่านล่วงเลยไป การเลือกบริโภคเพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถต้านทานความชราไว้ได้ มนุษย์เราจึงพยายามคิดค้นวิธีที่จะยืดเวลาแห่งความชรา ให้ห่างไกลออกไป…

มนุษย์เราเกิดมาทุกคน ล้วนต้องเคยเจ็บป่วย ไม่สบายด้วยโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัด อุจจาระร่วง ปวดศีรษะ เป็นต้น นอกจากโรคภัยต่างๆ ที่เราจะต้องเคยเป็นกันทุกคนแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นั่นก็คือ ความชรา หรือ ความแก่ นั่นเอง

ความชราเป็นธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นกับทุกคน นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องความชรา หรือความแก่จนค้นพบว่า ความชราเกิดขึ้นเพราะอวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกายของคนเราเริ่มเสื่อมสมรรถภาพในการทำงาน

ซึ่งสภาวะดังกล่าวเกิดขึ้นลึกลงไปถึงระดับเซลล์ เซลล์ต่างๆ ในร่างกายจะมีการตั้งโปรแกรม อายุการทำงานของตัวเองอยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาเซลล์ก็จะทำงานลดลง เสื่อมลงและตายไป และก็มีเซลล์ที่เจริญเติบโตขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสลายไป ทำให้อวัยวะต่างๆ ยังคงทำงานได้ แต่เมื่ออายุเรามากขึ้น เซลล์ใหม่ๆ ที่จะเจริญเติบโตมาทำงานทดแทนก็จะเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงสภาพที่เซลล์ตายหรือเสื่อมอย่างถาวร เมื่อเวลานั้นมาถึงอวัยวะต่างๆ ก็จะทำงานได้ไม่ดีเหมือนเดิม ทำให้มีโอกาสเกิดโรคภัยต่างๆ ที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเส้นเลือดหัวใจอุดตัน โรคเบาหวาน เป็นต้น

Anti-aging-medicine

ความชราคือความแก่ ซึ่งเราไม่สามารถเลี่ยงที่จะให้มันเกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถที่จะชะลอหรือเร่งความชราให้เกิดขึ้นช้าหรือเร็วได้ ซึ่งสิ่งที่มีอิทธิพลสำคัญในการชะลอหรือเร่งให้เราชราภาพนั่นก็คือ การดูแลปฏิบัติตัวของเราเอง ซึ่งเราต่างรู้ดีว่า สิ่งแวดล้อมรอบตัวและปัจจัยภายนอกร่างกายต่างๆ ล้วนส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ในร่างกายเรา เช่น อาหารที่เรารับประทาน บุหรี่ที่สูบ สุราที่ดื่ม สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ การรู้จักดูแลออกกำลังกายสม่ำเสมอ และอื่นๆ ปัจจัยภายนอกต่างๆ เหล่านี้ จะเร่งให้เซลล์ของเราเสื่อมหรือมีชีวิตยืนยาวขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้เราแก่ก่อนวัย หรือดูอ่อนกว่าวัย

วิทยาศาสตร์กับการยืดเวลาแห่งความอ่อนเยาว์

ในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ ทำให้เกิดศาสตร์ทางการแพทย์แขนงใหม่ที่เรียกว่า Anti-aging medicine (เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ หรืออายุรวัย) ศาสตร์การแพทย์แนวใหม่นี้ จะเน้นในเรื่อง

  • การประเมินระดับฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย โดยการตรวจจากเลือด ปัสสาวะ และน้ำลาย
  • การประเมินระดับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นในร่างกาย
  • การประเมินระดับกรดอะมิโนและกรดไขมันที่จำเป็นในร่างกาย

การตรวจ Gene (สารพันธุกรรม) เพื่อทำนายโอกาสในการเกิดโรคในอนาคต มุ่งเน้นในการให้ฮอร์โมนทดแทน วิตามินแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ ที่จำเป็นในรูปแบบสูตรเฉพาะแต่ละบุคคล เพื่อช่วยในการป้องกันและรักษาโรค

เพราะปัจจุบันโรคภัยต่างๆ มีมากขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา และภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากโรค และการรักษาก็จะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของเราแย่ลง ดังนั้น การป้องกันไว้ดีกว่าแก้ การแพทย์แนวใหม่อย่าง Anti-aging medicine อาจจะเป็นคำตอบของเราในการที่จะทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นในแบบที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีก็เป็นได้

  • Readers Rating
  • Rated 5 stars
    5 / 5 (2 )
  • Your Rating