การนอนกรนในเด็ก ภัยเงียบที่พ่อ-แม่ ไม่ควรมองข้าม

การนอนกรนในเด็ก ภัยเงียบที่พ่อ-แม่ ไม่ควรมองข้าม

เด็กนอนกรนเป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนมองข้าม และคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่จริง ๆ แล้วปัญหานอนกรนในเด็ก อาจจะทำให้ลูกหยุดหายใจขณะหลับได้ นพ.จุฬา คูอนันต์กุล กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ภาวะนอนกรนในเด็ก ทางการแพทย์ถือว่าเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะหากเกิดกลุ่มอาการทางเดินหายใจส่วนบนอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) เช่น หายใจแรง หายใจไม่สะดวก อ้าปากหายใจ ปากซีดและมีเสียงกรนเป็นช่วง ๆ

เพราะในเวลานอนหลับควรเป็นเวลาที่เด็กจะได้ผ่อนคลายเต็มที่ แต่เมื่อเกิดกลุ่มอาการดังกล่าวขึ้น ร่างกายเด็กต้องรับกับความเครียดจากการหายใจไม่ออกหรือหายใจไม่สะดวก คล้าย ๆ มีคนมาบีบจมูกเป็นระยะ ๆ เวลากลางคืน ทำให้ปอด และหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เกิดเป็นความดันโลหิตสูงหรือหัวใจโตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

การวินิจฉัยภาวะนอนกรนในเด็ก

แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติ ตรวจร่างกายโดยกุมารแพทย์เฉพาะทาง เช่น การตรวจต่อมทอนซิล ในบางกรณีอาจส่งเอกซเรย์เพิ่มเติมเพื่อประเมินภาวะต่อมอะดีนอยด์  หลังจากนั้นจึงพิจารณาว่า จะตรวจการนอนหลับหรือไม่ และตรวจรูปแบบใด เนื่องจากการตรวจการนอนหลับจะมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การจับออกซิเจนเพียงอย่างเดียว ไปจนถึงการตรวจเต็มรูปแบบ (Polysomnography) ตั้งแต่คลื่นสมอง คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และอื่น ๆ อีกกว่า 20 รายการ ในเวลานอนหลับทั้งคืน

การรักษา

หากพบว่าการนอนกรนของเด็ก มีสาเหตุมาจากกลุ่มอาการทางเดินหายใจส่วนบนอุดกั้นขณะนอนหลับ (OSA) แต่ยังเป็นไม่มากหรือมีอาการมาไม่นาน สามารถรักษาได้ด้วยยาและสามารถหายขาดได้ แต่หากเป็นมานานหลายปี อาการค่อนข้างหนัก และมีผลข้างเคียง การรักษาด้วยยาอาจไม่ได้ผลดีมากนัก และอาจจำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ไม่ยุ่งยาก โอกาสเกิดผลแทรกซ้อนต่ำ และใช้เวลาเพียง 2-3 วันในการพักฟื้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม โรคนอนกรนในเด็ก แม้จะดูเป็นเรื่องปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้เกิดปัญหาที่อันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตการนอนของลูกว่ามีภาวะนอนกรนหรือไม่ หากมีภาวะนอนกรนควรรีบพาไปพบกุมารแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการตรวจอย่างละเอียด

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลเวชธานี โทร 02-734-0000 ต่อ 3310