อาการปวดประจำเดือนมากหรือมีประจำเดือนนานกว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณของช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรค “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” ส่งผลทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ตามมา
ปกติแล้วในทุก ๆ เดือนนั้น เยื่อบุโพรงมดลูกของเราจะค่อย ๆ หนาขึ้นจากอิทธิพลของฮอร์โมนที่ผลิตโดยรังไข่ เมื่อถึงรอบเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกมาพร้อมกับเลือดเป็นประจำเดือน แต่ถ้าหากเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญที่อวัยวะอื่นนอกโพรงมดลูก ก็จะส่งผลทำให้อวัยวะที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกไปเกาะ มีการหลั่งสารเกี่ยวกับการอักเสบขึ้น หรือมีเลือดออกเล็กน้อยในบริเวณนั้นได้
ดังนั้น หากเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญที่บริเวณรังไข่ เลือดที่ไปสะสมบริเวณนั้นจะกลายเป็นถุงน้ำในรังไข่ที่มีเลือดเก่าสีน้ำตาลสะสมไว้ เหมือนสีของช็อกโกแลต จึงเรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” แต่หากลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับบริเวณเยื่อบุช่องท้อง ก็จะกลายเป็นพังผืดในช่องท้อง
โรคช็อกโกแลตซีสต์ มักมีอาการดังต่อไปนี้
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์มักมีอาการปวดประจำเดือนมากผิดปกติ ในบางรายอาจมีอาการปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกเดือน ปวดร้าวไปถึงบริเวณหลังหรือร้าวลงก้นกบ แม้จะกินยาแก้ปวด ก็ไม่สามารถช่วยบรรเทาอาการ
- มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง ถึงแม้ว่าไม่มีประจำเดือนก็รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อย อาการปวดแบบนี้มักจะมีสาเหตุจากการมีพังผืดในช่องท้อง
- มีบุตรยาก ไม่สามารถตั้งครรภ์เองได้
- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ จากการระคายเคืองของกระเพาะปัสสาวะ
- ประจำเดือนมานานผิดปกติ หรือมานานเกินกว่า 7 วัน ในกรณีมีเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ที่กล้ามเนื้อมดลูกร่วมด้วย
ขั้นตอนการวินิจฉัยโรคช็อกโกแลตซีสต์
การวินิจฉัยช็อกโกแลตซีสต์ ต้องอาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย รวมไปถึงการตรวจภายใน และทำการอัลตราซาวด์ เพื่อประเมินขนาดและตำแหน่งของซีสต์ในบางครั้งก็สามารถตรวจเจอได้จากการตรวจร่างกายประจำปี
การรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
การรักษาช็อกโกแลตซีสต์นั้น แพทย์จะประเมินจากอาการ ขนาด และตำแหน่งของซีสต์
การใช้ยาในการรักษาช็อกโกแลตซีสต์สามารถทำได้เช่นกัน เช่น การใช้ยาแก้ปวด การใช้ยาเพื่อลดปริมาณประจำเดือน หรือลดการปวดประจำเดือน หากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ซีสต์มีขนาดใหญ่ หรือมีภาวะแทรกซ้อน จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด
เทคนิคการผ่าตัดที่เป็นมาตรฐานในการผ่าตัดช็อกโกแลตซีสต์ในปัจจุบัน คือการผ่าตัดส่องกล้อง มีจุดประสงค์เพื่อนำซีสต์ออก นอกจากนั้นยังสามารถเลาะพังผืด หรือรอยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ออกไปได้ด้วย
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัจจุบัน กล้องที่ใช้ผ่าตัดมีความคมชัดระดับ 4K ทำให้สามารถมองเห็นรอยโรคได้ชัดเจน ลดการเสียเลือดระหว่างผ่าตัด และสามารถใส่สารลดการเกิดพังผืดจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
การผ่าตัดส่องกล้องมีข้อดี คือ ลดการเกิดพังผืดใหม่ได้ การเจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวไว และใช้เวลาพักฟื้นจากการผ่าตัดน้อยกว่า สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
ติดต่อสอบถามได้ที่
ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 3200, 3204
- Readers Rating
- Rated 4.2 stars
4.2 / 5 (Reviewers) - Excellent
- Your Rating