ทำไมใช้วิธีลดน้ำหนักอย่างไรก็ไม่ได้ผล?
- อดอาหารมากเกินไป
การได้รับพลังงานจากอาหารน้อยกว่า 800 แคลอรี่ต่อวันจะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ต่ำลง สลายไขมันยากขึ้น และยิ่งทำให้โหยหาอาหารมากขึ้น
- กินอาหารให้พลังงานสูง
อาหารประเภท ผัด มัน ทอด เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง สามารถเลือกรับประทานอาหารประเภทต้มหรือนึ่งเช่น สุกี้น้ำ หรือ ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ที่ให้แคลอรี่น้อยกว่า นอกจากนี้เครื่องดื่มประเภท น้ำอัดลม ชานมไข่มุก กาแฟใส่นม หรือแม้แต่น้ำผลไม้ก็เป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูงเช่นกัน
- ความเครียด
ความเครียดสามารถทำให้หลายคนเผลอกกินอาหารโดยไม่รู้ตัว อีกทั้ง ความเครียดก็ยังส่งผลทำให้นอนไม่หลับอีกด้วย
- ออกกำลังกายยังไม่พอ
หมายถึงระยะเวลาการออกกำลังกายต่อครั้งที่น้อยเกินไป รวมทั้ง การออกกำลังกายที่ไม่สม่ำเสมอ จึงควรออกกำลังกายให้ติดเป็นนิสัย ระยะเวลา 3 เดือนขึ้นไป ร่างกายจึงเริ่มปรับสมดุลและระบบเผาผลาญ
- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนถือเป็นปัจจัยสำคัญในการลดน้ำหนัก เนื่องจากมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนหิว-อิ่ม ซึ่งเป็นตัวควบคุมความอยากอาหารของร่างกาย
- ขาดความอดทน
การลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัมได้จะต้องใช้พลังงานมากกว่าที่กินเข้าไป 7,700 แคลอรี่ ไม่ง่ายเลย เพราะฉะนั้นจึงควรใจเย็นๆ ไม่ควรคาดหวังกับตัวเลขบนตาชั่งมากเกินไป
- ถึงช่วงไม่ตอบสนอง
เวลาลดน้ำหนักไปได้สักพัก ร่างกายจะเกิดความเคยชินกับสภาวะที่ได้รับพลังงานน้อย และชินกับการออกกำลังกายแบบเดิมๆ สามารถเพิ่มการออกกำลังกายแบบ high intensity เพื่อให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นบ้างสลับกันไปจะช่วยเร่งการสลายไขมันได้ดีขึ้น
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับวิธีลดน้ำหนัก
ใส่บอลลูนลดน้ำหนัก โดยการส่องกล้อง ซึ่งตัวบอลลูนจะเป็นซิลิโคนทางการแพทย์ และบรรจุน้ำเข้าไปในบอลลูนประมาณ 400-500 ซีซี ตามหลักการ บอลลูนที่ใส่ในกระเพาะอาหารจะทำให้รู้สึกอิ่ม และรับประทานอาหารได้น้อยลง ซึ่งเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ และได้รับการยอมรับจากผู้ใช้จริงว่าเห็นผลและปลอดภัย
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี โทร 02-734-0000 ต่อ 2960
- Readers Rating
- Rated 5 stars
5 / 5 (Reviewers) - Spectacular
- Your Rating