สังเกตให้ดี! อาการแสบร้อนและมีผื่น อาจไม่ใช่ “ โรคงูสวัด ” - โรงพยาบาลเวชธานี

บทความสุขภาพ

สังเกตให้ดี! อาการแสบร้อนและมีผื่น อาจไม่ใช่ “ โรคงูสวัด ”

Share:

สังเกตให้ดี! อาการแสบร้อนและมีผื่น อาจไม่ใช่ “ โรคงูสวัด ” แต่เป็นพิษของ #แมลงก้นกระดก

แมลงก้นกระดก เป็นแมลงขนาดเล็ก ลำตัวประมาณ 7-8 มม. มักอาศัยบริเวณพงหญ้าอับชื้น ชอบออกมาเล่นไฟและแสงสว่างตามบ้านเรือน จะมีมากในช่วงปลายฤดูฝน แมลงชนิดนี้สามารถปล่อยสารที่เรียกว่า Pederin ซึ่งก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังของผู้ที่สัมผัส

📌 อาการของผู้สัมผัสแมลงก้นกระดก

  • มีอาการแสบร้อน เริ่มเกิดผื่นเมื่อผ่านไปประมาณ 24 ชั่วโมง
  • เป็นผื่นแดงขอบเขตชัดเจน หรือมีรอยไหม้ลักษณะเป็นทางยาว
  • บางรายอาจเกิดผื่นบริเวณตามข้อพับ
  • อาจมีตุ่มน้ำ ตุ่มพอง และตุ่มหนอง ใน 2-3 วัน คล้ายตุ่มน้ำจากโรคงูสวัด
  • กรณีที่เกิดผื่นบริเวณกว้าง อาจมีไข้ ปวดศีรษะ หรือคลื่นไส้อาเจียน
  • หากโดนบริเวณตา หรือเข้าตา อาจทำให้ตาบอดได้

📌 การดูแลหลังสัมผัส และการป้องกัน

หากสัมผัสถูกตัวของแมลงก้นกระดก ให้รีบล้างน้ำด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่ และประคบเย็นในบริเวณที่สัมผัสโดนแมลง โดยผื่นจากแมลงก้นกระดก จะตกสะเก็ดและหายได้เอง ใน 7-10 วัน แต่จะทิ้งรอยดำไว้สักระยะหนึ่ง และควรพบแพทย์เพื่อตรวจอาการ

คำแนะนำในการป้องกันแมลงก้นกระดก คือ ไม่ควรโดนหรือสัมผัสตัวแมลงดังกล่าว หากบังเอิญแมลงโดนร่างกาย ควรหลีกเลี่ยงการปัดหรือสัมผัสโดยตรง และควรปัดอุปกรณ์บนที่นอน สะบัดเสื้อผ้า อุปกรณ์ที่สวมใส่ เพื่อป้องกันแมลงซ่อนตัว


#ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศูนย์ผิวหนังเลเซอร์และความงาม ชั้น 11
โทร 02-734-0000 ต่อ 4200, 4204

  • Readers Rating
  • Rated 4.1 stars
    4.1 / 5 (8 )
  • Your Rating