“นกเขาไม่ขัน” ปัญหาที่ผู้ชายหลายคนกังวล แต่ในปัจจุบันสามารถรักษาได้ด้วยนวัตกรรม “Shockwave” หากรักษาอย่างต่อเนื่องเพียง 3 เดือน จะช่วยฟื้นฟูองคชาตให้แข็งตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แพทย์ประจำศูนย์เวชธานี Q Life โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า ปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “นกเขาไม่ขัน” เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความผิดปกติที่ระบบประสาท สภาพจิตใจ ความเครียด ฮอร์โมนเพศชายพร่อง รวมถึงกลไกของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณอวัยวะเพศชายมีความผิดปกติ ทำให้ประสิทธิภาพการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดลงจนไม่สามารถทำกิจกรรมทางเพศได้
วิธีรักษาอาการนกเขาไม่ขันเบื้องต้น
สำหรับคนที่มีปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศในระยะเริ่มต้น แพทย์อาจแนะนำให้เสริมด้วยวิตามิน ดังต่อไปนี้
- สังกะสีหรือซิงค์ สามารถพบได้ในอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนหรือฮอร์โมนเพศชายและเพิ่มภูมิต้านทาน บำรุงผม ขน และเล็บให้แข็งแรงมากขึ้น
- สารสกัดจากธรรมชาติหรือสมุนไพร เช่น สารสกัดจากโสม ซึ่งมีงานวิจัยพบว่าช่วยเสริมพละกำลัง เพิ่มความแข็งแรงของร่ายกาย และช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย
- ฮอร์โมนจากธรรมชาติ ซึ่งเรียกว่าฮอร์โมน DHEA หรือฮอร์โมนต่อมหมวกไต (Adrenal Hormones) โดยผู้ชายทุกคนสามารถผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ได้อยู่แล้ว แต่ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และการขาดสารอาหาร จะส่งผลให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ได้น้อยลง ทำให้ความต้องการทางเพศลดลง และส่งผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศชาย
- สารสกัดจากกระชายดำ ซึ่งมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ช่วยฟื้นฟูหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศชาย ทำให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดอาการนกเขาไม่ขัน
วิธีรักษาอาการนกเขาไม่ขันที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนพร่อง
ผู้ป่วยที่มีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศหรือนกเขาไม่ขัน ที่เกิดจากระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือฮอร์โมนเพศชายลดลง อาจมีสาเหตุจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เป็นประจำ รวมถึงอายุที่มากขึ้น ซึ่งสามารถรักษาด้วยการให้ฮอร์โมนทดแทน โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบคือ
- การให้ฮอร์โมนเพศชายในรูปแบบฉีด ช่วยให้ระดับฮอร์โมนเพศชายให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยต้องเข้ามารับบริการที่โรงพยาบาลทุก 3 เดือน แต่ข้อเสียคืออาจมีอาการฮอร์โมนสวิงหรืออาการขาดฮอร์โมนในบางช่วงได้
- การให้ฮอร์โมนเพศชายในรูปแบบกิน เป็นวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยม เพราะไม่เจ็บตัวและง่าย โดยกินฮอร์โมนวันละ 3 เวลา แต่ข้อเสียคืออาจมีผลต่อการทำงานของตับในระยะยาว
- การให้ฮอร์โมนในรูปแบบทา วิธีใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงกว้าง โดยทาฮอร์โมนที่ผิวหนังบริเวณต้นแขน หน้าขา หน้าท้อง และเอวด้านหลัง ตัวครีมจะซึมผ่านผิวหนังและเข้าสู่กระแสเลือด สามารถช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนในเลือดได้ทันที ข้อดีคือไม่มีผลต่อตับ แต่ข้อเสียคือฮอร์โมนจะไม่สูงขึ้นเท่ากับการฉีด
“นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมที่ชื่อว่า Shockwave ใช้ฟื้นฟูปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ด้วยการใช้เครื่อง Extracorporeal Shockwave Therapy หรือ ESWT ส่งคลื่นกระแทกเข้าไปยังบริเวณอวัยวะเพศชายด้วยพลังงานความรุนแรงต่ำไปที่ 4 ตำแหน่ง คือองคชาต ซึ่งประกอบด้วยกล้ามเนื้อ 3 มัด และกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน จุดละ 1,000 ชอต รวมทั้งหมด 4,000 ชอต เพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซม และกระตุ้นระบบไหลเวียนของหลอดเลือด ทำให้มีเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศชายได้มากขึ้น โดยผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่มีบาดแผล และสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังการรักษา ทั้งนี้ผู้ป่วยควรเข้ารับการรักษาด้วย Shockwave สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ต่อเนื่อง 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน จะช่วยให้การแข็งตัวขององคชาตมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าผู้ป่วยจะมีปัญหานกเขาไม่ขันเพียงเล็กน้อย หรือมีโรคประจำตัวต่าง ๆ ร่วมด้วย เช่น เบาหวาน หัวใจ รวมถึงคนที่ใช้ยาช่วยในการแข็งตัวของอวัยวะเพศก็สามารถใช้การรักษาวิธีนี้ร่วมกันได้” แพทย์ประจำศูนย์เวชธานี Q Life กล่าว
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกวิธีการรักษาอาการนกเขาไม่ขันด้วยการเสริมวิตามินหรือวิธีอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางก่อนทุกครั้ง เพื่อให้การรักษาอาการนกเขาไม่ขันมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย รวมทั้งมีความปลอดภัยสูงสุด
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
ศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-7340000 ต่อ 4500, 4501
- Readers Rating
- Rated 4.1 stars
4.1 / 5 (Reviewers) - Excellent
- Your Rating