ปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือน อาการแบบไหนเสี่ยงเป็นช็อกโกแลตซีสต์

บทความสุขภาพ

อาการปวดท้องกับโรคช็อกโกแลตซีสต์

Share:

โรคช็อกโกแลตซีสต์

โรคช็อกโกแลตซีสต์หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis) เป็นโรคที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกออกมาเมื่อถึงรอบประจำเดือน แล้วไปเจริญนอกโพรงมดลูก ซึ่งทางการแพทย์ อธิบายการเกิดได้หลายสาเหตุ ส่วนหนึ่งเชื่อว่าเกิดขึ้นจากการที่เลือดประจำเดือนไหลย้อนกลับเข้าไปในอุ้งเชิงกราน ผ่านท่อนำไข่แล้วฝังตัวที่รังไข่จนเกิดเป็นถุงน้ำ และอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นในแต่ละเดือน

กลุ่มที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์หรือโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ทุกคน นับตั้งแต่วัยเริ่มมีประจำเดือนจนถึงวัยก่อนหมดประจำเดือน เนื่องจากโรคเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่จะสัมพันธ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศหญิง

  • มีประจำเดือนตั้งแต่อายุยังน้อย
  • มีประจำเดือนรอบสั้น โดยเฉพาะรอบห่างของประจำเดือนน้อยกว่า 27วัน
  • มีประจำเดือนมาก หรือนานกว่า 7 วันต่อครั้ง
  • มีสมาชิกในครอบครัว เช่น แม่ ยาย พี่สาว มีประวัติเป็นโรคนี้
  • มีความผิดปกติเกี่ยวกับทางออกของประจำเดือน เช่น ผู้ป่วยที่มีเยื่อพรหมจารีปิด หรือมีความผิดปกติที่ปากมดลูก

อาการของช็อกโกแลตซีสต์

ผู้ป่วยโรคช็อกโกแลตซีสต์ อาจมีอาการมากน้อยแตกต่างกัน แต่จะมีอาการที่พบได้บ่อย ที่สามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้

  • ปวดท้องน้อยเวลามีประจำเดือน และปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องกินยาแก้ปวด
  • ปวดบริเวณอื่นร่วมด้วยเวลามีประจำเดือน เช่นปวดหลัง ปวดเอว ปวดก้นกบ
  • ท้องอืด ท้องเสีย และปวดมากเวลาถ่ายอุจจาระในช่วงที่มีประจำเดือน
  • มีอาการปวดที่มดลูกหรือท้องน้อย ขณะมีเพศสัมพันธ์
  • มีภาวะมีบุตรยาก ไม่สามารถตั้งครรภ์เองได้

ภาวะแทรกซ้อน ของช็อกโกแลตซีสต์และเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หากเป็นมากขึ้น อาจเกิดกรณีต่อไปนี้

  • เกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน ทำให้มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • ซีสต์อักเสบติดเชื้อจนเป็นฝี หรือปริแตก ทำให้ปวดท้องน้อยเฉียบพลันจนต้องได้รับการผ่าตัดฉุกเฉิน
  • มีบุตรยาก เนื่องจากท่อนำไข่อุดตัน และตัวอ่อนฝังตัวยากขึ้น
  • มีพังผืดกดรัดท่อไต ทำให้ท่อไต หรือไตบวม

วิธีการรักษาช็อกโกแลตซีสต์

วิธีการรักษาช็อกโกแลตซีสต์ มีทั้งการใช้ยาและการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

  • การใช้ยารักษา

ใช้ในผู้ป่วยที่อาการไม่มาก ก้อนไม่ใหญ่ และยังไม่มีภาวะแทรกซ้อน อาจเป็นการให้ยาแก้ปวด ยาฮอร์โมน เพื่อควบคุมอาการ

  • การผ่าตัด

ปัจจุบัน การผ่าตัดที่เป็นมาตรฐานในโรคช็อกโกแลตซีสต์ คือการผ่าตัดส่องกล้อง เนื่องจากมีข้อดีกว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้องแบบเดิม ดังนี้

การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง
อาจเปิดแผลแบบตรงหรือแบบขวาง คล้ายในการผ่าตัดคลอด มีข้อเสียคือแผลใหญ่ มีการเจ็บแผลหลังผ่าตัดมาก ใช้เวลาพักฟื้นนาน และมีโอกาสเกิดพังผืดจากการผ่าตัดได้มากกว่าการผ่าตัดส่องกล้อง
การผ่าตัดส่องกล้อง 
เป็นการผ่าตัดโดยการเปิดแผลขนาดเล็ก 0.5-1 ซม.ที่หน้าท้อง แล้วผ่าตัดผ่านกล้องที่มีความละเอียดสูง สามารถผ่าตัดเลาะพังผืด และเอาซีสต์ออกได้เช่นเดียวกับการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง แต่มีข้อดีกว่า คือแผลเล็ก เจ็บแผลน้อย ใช้เวลาพักฟื้นหลังการผ่าตัดไม่นาน โอกาสเกิดพังผืดหลังการผ่าตัดน้อยกว่าการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง

วิธีการป้องกันช็อกโกแลตซีสต์

ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีที่เป็นมาตรฐานในการป้องกันการเกิดช็อกโกแลตซีสต์ อย่างไรก็ตาม หากมีอาการปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติมีประจำเดือนมามากหรือนานขึ้น อาการปวดรบกวนชีวิตประจำวันควรเข้าไปตรวจเช็คร่างกายกับสูตินรีแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องนอกจากนี้การตรวจสุขภาพเป็นประจำในทุกๆ ปี ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคร้ายแรงในภายหลังได้ด้วย

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

ศูนย์สุขภาพสตรี ชั้น 2 โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 3200 , 3204

  • Readers Rating
  • Rated 3.8 stars
    3.8 / 5 (6 )
  • Your Rating