เอ็นร้อยหวายอักเสบ อาการปวดกระดูกหลังส้นเท้าที่สร้างความทรมานให้ใครหลายต่อหลายคน ส่วนมากเกิดในกลุ่มคนอายุเยอะจากความเสื่อมตามวัย พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเกาต์ เรื้อนกวาง ความดันโลหิตสูง น้ำหนักเกิน หรือคนที่ใช้ยาสเตียรอยด์ ยาฟลูออโรควิโนโลนเป็นเวลานาน และยังเกิดได้ในกลุ่มคนที่มีปัญหาเอ็นร้อยหวายสั้น เท้าแบน เท้าผิดรูป รวมถึงพฤติกรรมการใช้งานเท้าแบบหนัก ๆ ซ้ำ ๆ ดังนี้
- ใส่รองเท้าส้นสูงยืนเดินเป็นเวลานาน ใส่รองเท้าที่ไม่พอดีกับเท้าหรือพื้นรองเท้าเสื่อมสภาพ
- วิ่งหรือเดินเร็วต่อเนื่องนานเกินไป รวมถึงการวิ่งออกกำลังกายแบบเพิ่มความเร็วในทันที ตลอดจนขาดการยืดเหยียดทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกาย เพราะเมื่อการที่เส้นเอ็นตึงเกินไป แรงกระชากจากการใช้งานอาจทำให้เอ็นร้อยหวายเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น
- กระโดดจากที่สูงซ้ำ ๆ หรือต้องอยู่ในท่าเขย่งนาน ๆ
- เล่นกีฬาที่ต้องเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วหรือหยุดแบบกะทันหัน เช่น เทนนิส บาสเก็ตบอล แบดมินตัน เป็นต้น
- เมื่อมีอาการเอ็นร้อยหวายอักเสบแล้วไม่พัก หรือพักไม่พอ ทำให้การบาดเจ็บสะสมจนรุนแรงมากขึ้น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานเท้าจะช่วยถนอมเส้นเอ็นไม่ให้เสื่อมสภาพก่อนวัย แต่ถ้าใครที่มีอาการเอ็นร้อยหวายอักเสบแล้วควรรีบพักการใช้งานเท้าและประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดบวม
หากยังไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องรีบพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจก่อให้เกิดหินปูนหรือที่เรียกว่ากระดูกงอกเอ็นร้อยหวาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้งานเท้าเป็นอย่างมากและต้องรักษาด้วยการผ่าตัดกระดูกที่งอกออก พร้อมซ่อมแซมเส้นเอ็นที่อักเสบ เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมาใช้งานเท้าได้เต็มประสิทธิภาพหรือเล่นกีฬาได้ตามปกติ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์กระดูกและข้อ
โทร. 02-734-0000 ต่อ 2298
- Readers Rating
- Rated 5 stars
5 / 5 (Reviewers) - Spectacular
- Your Rating