*“ไข้เลือดออก”** อีกหนึ่งโรคที่ระบาดมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกีโดยมียุงลายเป็นพาหะ เนื่องจากมีแหล่งเพาะพันธุ์มากขึ้น ปัจจุบันพบการแพร่ระบาดจำนวน 4 สายพันธุ์ สำหรับผู้ที่ติดเชื้อไปแล้วมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ และความรุนแรงในการติดครั้งที่สองอาจส่งผลกระทบให้อาการของโรคมีความรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
แม้ในปัจจุบันยังไม่มียาที่จะรักษาโรคไข้เลือดออกโดยตรง แต่ผู้ป่วยที่เคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้วสามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ทั้ง 4 สายพันธุ์ที่ระบาด ด้วยการ **“ฉีดวัคซีนเด็งวาเซีย”** จะช่วยลดอัตราการเป็นโรครุนแรงลงได้ถึง 92.9% ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนมีสภาพภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสดีขึ้น ซึ่งวัคซีนมีทั้งหมด 3 เข็ม ฉีดห่างกัน 6 เดือน สามารถฉีดได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 9 – 45 ปี
ขณะที่อาการของโรคไข้เลือดออก การติดเชื้อครั้งแรกอาการจะไม่รุนแรงมากนัก โดยเริ่มต้นจากการมีไข้สูง หลังจากที่กินยาลดไข้อาการไข้อาจลดลงชั่วคราว แต่หลังจากนั้นไข้อาจสูงขึ้นอีกครั้ง และอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 อาทิตย์ก่อนที่จะกลับสู่สภาวะปกติ ส่วนการติดเชื้อครั้งที่สองของไข้เลือดออก อาการเบื้องต้นคล้ายกับครั้งแรกแต่เกิดจากไวรัสที่มีสายพันธุ์แตกต่างกัน จะทำให้การติดเชื้อครั้งที่สองมีโอกาสเกิดอาการรุนแรงมากขึ้น โดยมีอาการเริ่มต้นของโรคไข้เลือดออก ดังนี้
- ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- มีผื่น มีจุดสีแดงบนผิวหนัง
กรณีอาการรุนแรง
- มีอาการช็อค จากการขาดน้ำ
- มีเลือดออกตามร่างกายอย่างรุนแรง เช่น เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด อุจจาระมีสีดำ
อย่างไรก็ตาม หากเริ่มมีอาการหรือเป็นไข้สูงต่อเนื่อง 2-3 วันหรือมีตุ่มแดงขึ้นตามตัว ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เนื่องจากการปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดภาวะรุนแรงที่อาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ศูนย์อายุรกรรม โรงพยาบาลเวชธานี
โทร 02-734-0000 ต่อ 2200
- Readers Rating
- Rated 5 stars
5 / 5 (Reviewers) - Spectacular
- Your Rating