รู้ทันอาการหูอื้อ โรคใกล้ตัวที่รบกวนชีวิตประจำวัน - โรงพยาบาลเวชธานี

บทความสุขภาพ

อาการหูอื้อ เกิดจากหลายสาเหตุ รู้ไว้ป้องกัน รักษาหายได้

Share:

ผู้หญิงที่ถูกอาการหูอื้อรบกวนชีวิตประจำวัน

หากมีอาการหูอื้อ หูมีเสียงหวีด และการได้ยินลดน้อยลง อย่านิ่งนอนใจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหูหรือระบบประสาทที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรคทางสมองได้เช่นกัน ซึ่งสาเหตุการเกิดอาการหูอื้อมาจากหลายสาเหตุและมีความอันตรายแตกต่างกัน

อาการหูอื้อเป็นอย่างไร ?

หูอื้อ คืออาการได้ยินเสียงลดน้อยลง เหมือนมีบางสิ่งมาอุดกั้นอยู่ที่บริเวณหู หรือรู้สึกว่าหูมีเสียงอื้ออึง เสียงก้อง เสียงหวีดขึ้นอยู่ภายใน สามารถเกิดได้ทั้งชั่วคราวและต่อเนื่อง เป็นได้ทั้งข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ ซึ่งส่งผลกระทบและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณของโรคอื่น ๆ อีกด้วย

หูอื้อเกิดจากอะไร ?

อาการหูอื้อเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ที่สามารถพบได้บ่อย มีดังต่อไปนี้

  • อยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังมาก เช่น คอนเสิร์ต หรือมีแรงดันอากาศผิดปกติ เช่น การขึ้นเครื่องบิน การดำน้ำ
  • หูอื้อจากการอุดกั้นของขี้หูหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น น้ำคั่งค้างอยู่ในหู คอตตอนบัด แมลง
  • หูชั้นกลางอักเสบจากการบาดเจ็บหรือการติดเชื้อภาวะหลังไข้หวัด ส่งผลให้ท่อที่ต่อไปยังหูชั้นกลางเกิดการอุดกั้น เมื่อกลืนน้ำลาย จึงทำให้หูอื้อได้
  • ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ จนส่งผลกระทบต่ออวัยวะหูชั้นในทำให้สูญเสียการได้ยิน
  • ผลกระทบจากอาการทางสมอง เช่น เนื้องอกสมอง เส้นเลือดในสมองตีบ และเลือดออกในสมอง
  • ผลกระทบจากความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดแข็งตัว และเส้นเลือดแดงโป่ง
  • ผลกระทบจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาต้านอักเสบ ยาวัณโรค ยามาลาเรีย ยาอิริโทรมัยซิน และยารักษาโรคมะเร็งบางชนิด 
  • โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคไซนัสอักเสบ
  • ประสาทหูเสื่อมตามอายุ
  • สาเหตุอื่น ๆ เช่น มีเนื้องอกเกิดขึ้นในหู หรือประสาทหู กระดูกในหูมีการงอกผิดปกติ หูตึงแต่กำเนิด

การวินิจฉัยอาการหูอื้อ

สำหรับการวินิจฉัยอาการหูอื้อ สามารถทำได้ด้วยกระบวนการดังต่อไปนี้

  • ซักประวัติ เพื่อสอบถามอาการเบื้องต้น 
  • ตรวจร่างกายทางหู คอ จมูก
  • การตรวจการได้ยิน (Audiogram and Tympanogram) เป็นการตรวจเพื่อประเมินสภาวะการได้ยิน รวมถึงตรวจการทำงานของหูชั้นกลางและหูชั้นใน
  • การตรวจคัดกรองการได้ยิน OAE (Otoacoustic Emission) เป็นการตรวจวัดเสียงสะท้อนจากหูชั้นใน ใช้สำหรับทารกแรกเกิด
  • การตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง ABR (Auditory Brainstem Response) โดยการติดสื่อนำสัญญาณ (Electrode) เพื่อวัดคลื่นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในระบบประสาทหูชั้นในส่วนลึก
  • การตรวจการทำงานของการทดสอบระบบการทรงตัวในหูชั้นในเพื่อตรวจหาโรคหรือความผิดปกติของหูชั้นใน เช่น การตรวจ VHIT, EcoehG, VEMP หรือVNG  เพื่อการแยกภาวะโรคสมอง หรือยืนยันความผิดปกติของระบบการทรงตัวในหูชั้นใน

วิธีป้องกันอาการหูอื้อ

  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีเสียงดังจนเกินไป
  • ไม่ควรใส่หูฟังเวลานอนหลับ หรือใส่หูฟังที่เปิดเสียงดังมากเกินไป
  • อย่าปั่นหรือแคะหู

วิธีบำบัดและรักษาอาการหูอื้อ

หากมีอาการหูอื้อควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ และรักษาตามอาการอย่างเหมาะสม โดยแนวทางในการรักษามีดังต่อไปนี้

  • การรับประทานยาเพื่อรักษาตามอาการโรคที่ตรวจพบ
  • การผ่าตัด เช่น การผ่าตัดปะเยื่อแก้วหู (Myringoplasty) การผ่าตัดโพรงกระดูกมาสตอยด์ (Mastoidectomy) การผ่าตัดหูชั้นกลาง (Explore Middle) การผ่าตัดผังประสาทหูเทียม การใส่เครื่องช่วยฟัง

หากพบว่าตนเองมีอาการหูอื้อ หรือหูมีเสียงอื้ออึง เสียงหวีด อย่าปล่อยไว้ให้เป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ชำนาญการด้าน โสต ศอ นาศิก (หู คอ จมูก)  เพื่อหาทางรักษาอย่างรวดเร็ว ที่ศูนย์หูคอจมูก โรงพยาบาลเวชธานี พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษา ด้วยเครื่องมือตรวจรักษาที่ทันสมัย โดยแพทย์ชำนาญการด้าน โสต ศอ นาศิก (หู คอ จมูก)เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วย

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

ศูนย์หูคอจมูก ชั้น 1 โรงพยาบาลเวชธานี
โทร. 02-734-0000 ต่อ 3400

  • Readers Rating
  • Rated 5 stars
    5 / 5 (1 )
  • Your Rating