ปวดท้องเรื้อรังอย่าปล่อยไว้ ตรวจลมหายใจเพื่อแก้ไขให้ตรงจุด

ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ ทำให้ไลฟ์สไตล์ “กินด่วน กินไม่อั้น” เริ่มส่งผลให้หลายโรคค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ โดยกลุ่มโรคที่เห็นได้ชัด ได้แก่ โรคระบบทางเดินอาหาร ซึ่งภาวะที่พบบ่อยคืออาการ “ท้องอืด” ที่ดูเหมือนอาการธรรมดาทั่วไป แต่หากเป็นบ่อยติดต่อกันไม่หาย อาจส่งผลให้ปวดท้องเรื้อรัง หรือเกิดภาวะ “ท้องอืดเรื้อรัง” ได้

ภาวะท้องอืด เกิดจากการที่มีแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่มากเกินไป ทำให้รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง เรอ ผายลม หรือท้องโต เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมที่ส่งผลให้เกิดภาวะท้องอืด ได้แก่ การรับประทานอาหารในปริมาณมากเกินไป เร่งรีบ บดเคี้ยวไม่ละเอียด สำหรับสาเหตุหลักของภาวะท้องอืดเรื้อรัง เกิดจาก 3 ภาวะ ได้แก่

1. ขาดเอนไซม์ย่อยนม แพ้สารอาหารประเภทนม
2. มีแบคทีเรียในลำไส้มากเกินไป
3. ลำไส้แปรปรวน

โดยความแตกต่างระหว่างอาการ ท้องอืดทั่วไป กับ ท้องอืดเรื้อรัง คือระยะเวลา ซึ่งหากเป็นมานานหลายปี แม้ว่าจะรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ ยาช่วยย่อยอาหาร ตลอดจนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มภาวะท้องอืดเรื้อรัง

การวินิจฉัยท้องอืดเรื้อรัง

ปัจจุบันสามารถตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัดของอาการท้องอืดเรื้อรัง เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม ด้วยการใช้เครื่องตรวจลมหายใจ Hydrogen Breath Test ที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยอาศัยหลักการตรวจหาก๊าซที่ผลิตจากแบคทีเรียในทางเดินอาหาร อย่างก๊าซไฮโดรเจนและก๊าซมีเทน ซึ่งจะซึมผ่านเข้ากระแสเลือดและปล่อยออกทางลมหายใจ

การรักษาท้องอืดเรื้อรัง

การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องเรื้อรัง ซึ่งมีได้หลากหลายสาเหตุและเกิดขึ้นได้จากหลายกรณี เช่น 

• กรณีที่แพ้สารอาหารประเภทนม ให้เลี่ยงรับประทานผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย โยเกิร์ต ไอศกรีม เป็นต้น
• มีแบคทีเรียในลำไส้มาก สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ เพื่อปรับลดปริมาณเชื้อในลำไส้ 
• ลำไส้แปรปรวน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความเครียด ให้หากิจกรรมผ่อนคลาย และออกกำลังกาย เป็นต้น

ทำอย่างไรให้ห่างไกลท้องอืด ?

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะท้องอืด หรือท้องอืดเรื้อรัง ผู้ป่วยควรพยายามปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ ดังนี้

• ไม่รับประทานอาหารในปริมาณที่มากจนเกินไป
• เคี้ยวให้ละเอียด อย่าเร่งรีบจนเกินไป 
• หลังรับประทานอาหารเสร็จ ไม่ควรนั่งหรือนอนเฉย ๆ อาจจะเดินย่อยอาหารสักเล็กน้อย 

อย่างไรก็ตาม อาการท้องอืดที่ส่งผลให้เกิดการปวดท้องเรื้อรังนี้ อาจไม่ได้ก่อให้เกิดโรคร้ายแรง แต่สามารถสร้างความอึดอัดทรมาน และอาจส่งผลให้เกิดกลิ่นปาก หรือมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ทางลมหายใจได้ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย หรือมีอาการท้องอืดเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ สามารถปรึกษาได้ที่ ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ชั้น 2 โรงพยาบาลเวชธานี ทีมแพทย์ชำนาญการพร้อมให้การตรวจวินิจฉัยและรักษาเกี่ยวกับอาการปวดท้องเรื้อรัง ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดหมายแพทย์ล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-734-0000 ต่อ 2960, 2961, 2966